25.11.55

โปสเตอร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "

  
 
 
  

                        สวัสดีพ่อแม่พี่น้องนักอ่านทั้งหลายวันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ นั่นคือโปสเตอร์นั่นเอง โปสเตอร์ (Poster) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ที่มีบทบาทต่อการประชาสัมพันธ์มากสื่อหนึ่ง เพราะโปสเตอร์เป็นสื่อที่สามารถเผยแพร่ได้สะดวกกว้างขวาง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นที่ ทุกเพศ ทุกวัย และทุกระดับการศึกษา การนำโปสเตอร์มาใช้ในการประชาสัมพันธ์โดยมีจุดประสงค์เพื่อบอกกล่าว เผยแพร่ ให้ผู้ดูมีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติตาม เน้นหนักไปการ สร้างภาพพจน์ขององค์กร ให้เป็นที่ยอมรับ เกิดความฝังใจ เชื่อถือ ศรัทธา นอกจากนี้ ยังมีการใช้เพื่อย้ำเตือนใจกลุ่มประชาชนเป้าหมายด้วย
 

                          และสำหรับโปสเตอร์ที่ชื่นชอบก็คงจะเป็นโปสเตอร์ของภาพยนตร์" ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ศึกนันทบุเรง " ในภาคนี้เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงตอนที่  พระเจ้านันทบุเรง ได้ขึ้นเสวยราชย์สืบต่อจากพระเจ้าบุเรงนอง นับแต่วันที่ก้าวขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานว่าจะแผ่ผ่านกฤดาภินิหารมิให้เป็นรองพระราชบิดา เมื่ออยุธยาประเทศแยกตัวเป็นเอกราช พระองค์จึงจำต้องยาตราทัพไปกำราบปราบลงมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง ภารกิจนี้นับเป็น การแผ่นดินแต่ลึกลงไปในมโนสำนึกของนันทบุเรงนั้นยังหมายพระทัยจะเอาชนะแต่เฉพาะ พระนเรศซึ่งเป็นเสมือนคู่ปรับต่างวัย ภารกิจนี้เป็น เรื่องส่วนตัวที่พัวพันกลืนไปกับกิจของแผ่นดิน และเหนือสิ่งอื่นใดยังตั้งพระทัยที่จะเอาชนะใจพระสุพรรณกัลยา ผู้เป็นองค์ประกันในแผ่นดินของพระองค์เอง โดยทางหนึ่งนั้นพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงต้องรบทั้ง ศึกนอกในต่างแดน ขณะที่ อีกทางหนึ่งก็ต้องรับ ศึกในเพื่อชนะใจพระพี่นางในพระนเรศ มิให้น้อยหน้าหรือเป็นรอง พระราชบิดา ศึกนอกศึกใน-ศึกรบศึกรักนี้เข้มข้นยิ่งนัก
 
                         ส่วนเหตุผลที่ชื่นชอบโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะในโปสเตอร์ไม่ต้องมีองค์ประกอบอะไรมากมีเพียงรูปถ่ายของนักแสดงนำในเรื่องและมีข้อความประกอบที่ไม่ยาวนัก ซึ่งโปสเตอร์มีสองเซ็ทด้วยกัน เซ็ทแรกเป็นภาพของตัวละครหลักของเรื่อง การออกแบบนั้นแบ่งคาแรคเตอร์ออกจากกันอย่างชัดเจนโดยใช้โทนสีและการแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ให้ตรงกับบทบาทที่ได้รับ ใช้โทนสีสว่างแทนความดี ด้านดีของคน  ในโปสเตอร์นี้ใช้แทนฝ่ายพระนเรศวร และใช้โทนสีเข้มแทนความชั่วร้าย ด้านไม่ดีของคน และในโปสเตอร์นี้ใช้แทนฝ่ายพระเจ้านันทบุเรง และในเซ็ทที่สองเป็นการจับเอาภาพเหตุกาณ์ที่สำคัญๆ ของเรื่องมาเป็นจุดขายของโปสเตอร์อีกด้วยและนี่ก็คือเหตุผลที่ผู้เขียนชื่นชอบโปสเตอร์ชุดนี้
 
ขอบคุณข้อมูลจาก



12.11.55

Beginning

                      
                     สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกคนสำหรับวันนี้นะคะไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีการศึกษาโดยตรงนะคะแต่ก็พอจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกันอยู่บ้างส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นมาติดตามกันได้เลยค่ะ เรื่องที่จะนำมาเป็นประเด็นกันในวันนี้ก็คือเรื่องของ"สื่อสิ่งพิมพ์"นั่นเองค่ะซึ่งพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของเรา หรือจะเรียกได้ว่าจะมองไปทางไหนก็สามารถหาอ่านหาซื้อกันได้อย่างง่ายๆและสะดวกสบายอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าจะใช้คำว่าสื่อสิ่งพิมพ์อาจจะมีความหมายที่กว้างเกินไปหากจะจำกัดวงให้แคบลงมาอีกก็คงจะเป็นเรื่องของหนังสือนั่นเองค่ะ


                  พอพูดถึงหนังสือผู้เขียนก็เชื่อได้เลยว่าคุณผู้อ่านทุกท่านก็คงจะมีหนังสือที่ชื่นชอบอยู่ในดวงใจใช่มั้ยล่ะคะ และหนังสือที่ผู้เขียนอยากที่จะแนะนำในวันนี้ก็คือ หนังสือชื่อ"แฮร์รี่ พอตเตอร์"ค่ะและคิดว่าอาจจะเป็นหนังสือในดวงใจของใครหลายๆ คนใช่มั้ยคะ ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะรู้เรื่องราวของหนังสือชุดนี้เป็นอย่างดีแต่บางท่านอาจจะไม่เคยได้สนใจมาก่อน ดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับเรื่องราวของ แฮรรี่ พอตเตอร์กันก่อนนะคะ
                        แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นชุดนวนิยายแฟนตาซีจำนวนเจ็ดเล่ม ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดวัยรุ่น แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเพื่อนสองคน รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ โครงเรื่องหลักเกี่ยวกับภารกิจของแฮร์รี่ในการเอาชนะพ่อมดมืดที่ชั่วร้าย ลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้มีเป้าหมายเพื่อพิชิตประชากรไม่มีอำนวจวิเศษ พิชิตโลกพ่อมด และทำลายทุกคนที่ขัดขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ หนังสือทำยอดขายประมาณ 450 ล้านเล่มทั่วโลก และมีการแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ 67 ภาษา โดยภาษาไทยมีผู้แปลทั้งหมด 3 คน สุมาลี บำรุงสุข,วลีพร หวังซื่อกุล และงามพรรณ เวชชาชีวะ และหนังสือเล่มสุดท้ายของชุดยังเป็นสถิติหนังสือที่จำหน่ายออกหมดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
                       หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์สามารถจัดเป็นวรรณกรรมได้หลายประเภท (genre) รวมทั้งแฟนตาซีและการเปลี่ยนผ่านของวัย (coming of age) โดยมีองค์ประกอบของวรรณกรรมประเภทลึกลับ ตื่นเต้นสยองขวัญ ผจญภัย และโรแมนซ์ และมีความหายและการสื่อถึงวัฒนธรรมหลายอย่างตามข้อมูลของโรว์ลิง ธีมหลักของเรื่อง คือความตายแม้โดยพื้นฐานแล้วงานนี้ถูกมองว่าเป็นผลงานวรรณกรรมเด็ก นอกจากนี้ยังมีธีมอื่นอีกมากมายในชุด เช่น ความรักและอคติ และที่สำคัญหนังสือทั้งเจ็ดเล่มถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดย วอร์เนอร์บราเธอร์ส จำนวนแปดภาค โดยเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มที่เจ็ด ผู้สร้างได้แบ่งออกเป็นสองตอน ภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นชุดภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล นอกจากนี้ ยังได้มีการผลิตสินค้าควบกันอีกจำนวนมาก ซึ่งทำให้ยี่ห้อแฮร์รี่ พอตเตอร์มีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ 

                        และผู้เขียนก็หวังว่าผู้อ่านคงจะพอรู้จักแฮร์รี่ พอตเตอร์กันแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นผู้เขียนจะมาสาธยายอธิบายกันให้ฟังนะคะว่าทำไมถึงชื่นชอบหนังสือชุดแฮร์รี่  พอตเตอร์นี้เป็นพิเศษ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ก่อนอื่นก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กน้อยอายุ12 ขวบค่ะก็อยู่ป.6ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ดังมากๆ ในหมู่เด็กๆ เลยล่ะค่ะ และตอนนั้นก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าห้องเลยมีโอกาสได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนต่างห้องบ่อยๆ แล้วก็ทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆหลายคนเลยค่ะ ซึ่งเราจะทำกิจกรรมด้วยกันทุกเช้าและในเช้าของทุกๆวันก็จะมีหัวข้อในการพูดคุยไม่พ้นแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นแหละค่ะ จริงๆ ผู้เขียนเองไม่มีโอกาสได้ติดตามดูภายนตร์ในช่วงนั้นสักเท่าไหร่จะรู้จักแต่ละคร รายการทีวีมากกว่าแต่ก็พอจะเคยได้ยินเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์มาก่อน พอได้มาฟังเพื่อนๆพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกวันๆ ก็เริ่มมีความสนใจมากขึ้นและก็ได้รู้ว่านอกจากเป็นภาพยนตร์แล้วยังมีการเขียนเป็นหนังสืออีกด้วย จากจุดนั้นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการเสาะหาหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ของเด็กผู้หญิงในวัย12ขวบค่ะ เล่มแรกที่ได้อ่านก็คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Philosopher's Stone) คุณพ่อเป็นคนซื้อเล่มนี้ให้และหนังสือเล่มนี้นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กค่อยข้างจะซุกซนไม่สามารถอยู่นิ่งได้นานๆ จนคุณแม่ต้องห้ามปรามด้วยก้านมะยมอยู่หลายครั้งและก็เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเด็กสมาธิสั้นก็สามารถหยุดอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานๆ กับหนังสือเล่มเดียวได้ขอบอกว่าอยู่ได้เป็นวันๆ คุณแม่ต้องมาตามไปทานข้าวกันเลยทีเดียว หลังจากที่ตกหลุมรักพ่อมดน้อยแฮร์รี่พอตเตอร์เล่มแรกเข้าอย่างจังแล้วเล่มต่อๆ มาก็ไปไหนไม่รอดแต่คราวนี้เก็บเงินซื้อเองค่ะเรียกได้ว่าประหยัดอดออมกันสุดฤทธิ์ค่ะ 5555 แต่ละเล่มก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย นอกจากหนังสือชุดนี้จะทำให้ผู้เขียนเป็นคนรักการอ่านแล้วหนังสือชุดนี้ก็ยังแฝงข้อคิดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญ มิตรภาพของเพื่อน และความดีย่อมเอาชนะความชั่วได้เสมอค่ะ หลังจากเก็บสะสมมาเรื่อยๆก็พบว่าผู้เขียนนั้นอยู่กับหนังสือชุดนี้มาถึง 6 ปี จากเล่มแรกจนเล่มสุดท้าย และจากภาพยนตร์ภาคแรกจนถึงภาคสุดท้าย สุดท้ายนี้นะคะถึงแม้ว่าเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์จะจบลงแล้วแต่ก็ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้เขียนเสมอ และที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้ถึงแม้เรื่องราวในเล่มสุดท้ายจะจบลงไปแล้วนั่นก็คือการรักการอ่านค่ะ ทำให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการอ่านหากผู้อ่านท่านใดยังไม่รู้จะเริ่มกับกาiท่องไปในโลกของตัวหนังสือได้อย่างไรลองหยิบแฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นมาอ่านดูสักครั้งนะค่ะ ^^
 



ขอบคุณข้อมูลจาก: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C      

11.10.55

เล่นเกมส์ก็ฉลาดได้


ทักทายกันหน่อย...

         สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ ^^ กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะหลังจากห่างหายไปนานพอสมควร กลับมาในคราวนี้ก็มีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับแวดวงเทคโนโลยีทางการศึกษานำเสนอกันอย่างเช่นเคย และในวันนี้ขอนำเสนอเรื่อง " สื่อการเรียนรู้ชุด Computer City Tour " ชุดการสอนนี้เป็นชุดการเรียนการสอนแบบรรยายพร้อมทั้งมีเกมส์สนุกๆให้เล่น ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับอุปกรณ์พื้นฐานของส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่2
         สำหรับเด็กในวัยนี้หากจะสอนเพียงการบรรยายเนื้อหาเพียงอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอในการดุงดูดความสนใจของเด็กได้จะต้องมีการใช้สื่อการสอนเข้าช่วยให้ตัวอย่างเช่นเกมส์ เพราะเด็กทุกคนชอบเล่น การละเล่นจึงมีความสัมพันธ์กับชีวิตและพัฒนาการของเด็ก มาตั้งแต่กำเนิด บางคนถือว่าการเล่นเป็นการทำงานของเด็กและเป็นกิจกรรมหลักที่เด็กทุกคนจะต้องทำ การเล่นทำให้เด็กได้ฝึกความสามารถในการรับรู้และเสริมสร้างความคิดหลาย ๆ ด้าน เช่นการรับรู้ concept ใหม่ ๆ ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนฝึกความจำ ทำให้เด็กได้มีโอกาสสร้างสมประสบการณ์ให้กับตนเองเพื่อเรียนรู้และรับรู้ การเล่นเป็นวิธีการที่จะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัว และเปลี่ยนแปลงความคิด ช่วยให้เด็กได้มีโอกาสตอบสนองความต้องการของตนเอง นำเด็กไปสู่การค้นพบ ทำให้เด็กเกิดความรู้สึกอิสระ สนุกสนานเพลิดเพลิน
จะเห็นได้ว่าการเล่นมีความสำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนเรื่องใดปนไปกับการเล่นหรือจัดการเรียนให้เสมือนกับการเล่นได้ก็จะช่วยให้การเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ ประสบผลสำเร็จอย่างมาก
คุณค่าของเกมที่มีต่อการเรียนการเรียนการสอน
               1.เกมเป็นสื่อที่จะส่งเสริมให้ผู้เล่นมีความคล่องและความสามารถรอบตัวสูง สามารถช่วยให้ผู้เล่นประสบผลสัมฤทธิ์ได้กว้างขวาง ทั้งทางด้านพุทธิศึกษา และจริยศึกษา แม้ว่าเกมจะไม่ดีไปกว่าการสอนแบบตั้งเดิมเมื่อใช้สอนเนื้อหาพื้นฐานก็จริง แต่สำหรับความสามารถด้านการวิเคราะห์ การสังเคราะห์และการประเมินค่าแล้วเกมจะช่วยได้มาก  
               2.เกมจะช่วยให้ผู้เล่นพัฒนาพลังความคิดสร้างรรค์ได้มาก
               3.เกมส่วนใหญ่ส่งเสริมความสามารถในการตัดสินใจ การสื่อสาร ความสัมพันธ์กับผู้อื่นและเจตคติทางด้านความกระตือรืนล้นที่จะฟังความเห็นผู้อื่น นอกจากนั้นเกมจะช่วยให้ผู้เล่นรู้จักแก้ปัญหาหลาย ๆ แนวทาง หลายคนเชื่อมั่นในการใช้เกมจะทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาสิ่งที่มีคุณค่าทางการศึกษาเกือบทั้งหมด
               4.ข้อได้เปรียบสูงสุดของเกมยิ่งกว่าวิธีสอนอื่นใดคือความสนุก ทำให้นักเรียนได้เข้ามามีส่วนมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่มีผลการเรียนไม่ค่อยดีนัก และเชื่อว่าถ้ามีการแข่งขันด้วยนักเรียนจะยิ่งทุ่มเทจิตใจในการเล่นมากยิ่งขึ้น
              5.เกมส่วนใหญ่มักจะใช้พื้นฐานทางวิชาการหลาย ๆ ด้านซึ่งทำให้ผู้เล่นต้องรู้จัดบูรณาการความรู้และทักษาย ๆ ด้านเหล่านั้นเข้าด้วยกัน           
 
              ชุดสื่อการสอนComputer City Tour นี้มีวิธีการใช้ที่ง่ายมากเพราะในกล่องจะมีคู่มือการใช้สำหรับครูผู้สอนและนอกจากนั้นยังมีแบบทดสอบและใบความรู้ให้อีกด้วย ส่วนวิธีการเล่นเกมส์นั้นก็จะมีวิธีการเล่นคล้ายๆกับเกมส์เศรษฐีนั่นเอง
 
  


 
บทบาทของครูในการใช้ชุดสื่อการสอน
1.ต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนจัดการเรียนการสอนและชุดการเรียนรู้ตลอดจนคำแนะนำและคำชี้แจงต่างๆให้เข้าใจก่อนดำเนินการสอน
2.เตรียมวัสดุอุปกรณ์การเรียนที่มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอเหมาะสมกับกิจกรรมและจำนวนนักเรียน
3.การเรียนการสอนโดยชุดการสอน บทบาทของครูที่มีอยู่คือ ควบคุมเวลา กิจกรรม วิจัยในชั้นเรียน และการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทของผู้เรียน
1.ปฏิบัติตามกิจกรรมอย่างเต็มความสามารถ
2.นักร้อนต้องตั้งใจปฏิบัติกิจกรรม เมื่อมีปัญหาให้ปรึกษาครูผู้สอน
วัตถุประสงค์
1.เพื่อผู้เล่นได้ฝึกความจำเรื่องหน้าที่ของส่วนประกอบหลักของคอมพิวเตอร์
2.เพื่อทบทวนความเข้าใจและบอกหน้าที่ของส่วนประกอบต่างๆของคอมพิวเตอร์ได้
3. เพื่อให้ผู้เล่นสามารถจดจำรูปภาพและหน้าที่ของส่วนประกอบต่างๆของคอมพิวเตอร์ได้
อุปกรณ์การเล่นเกมส์
1.กระดานเกมส์
2.ลูกเต๋า
3.ตัวเดิน
กติกาการเล่น
1.แบ่งผู้เล่นออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มล่ะเท่าๆกัน
2..ให้ผู้เล่นเลือกกระดานที่จะเล่นตามความชอบ
3.เมื่อเลือกกระดานแล้วให้ผู้เล่นของแต่ละกลุ่มเลือกเมืองของตนเองที่มีทั้งหมด4 เมือง
4.จุดเริ่มต้นคือเมืองที่ผู้เล่นได้เลือกเอาไว้แล้ว
5.ผู้เล่นคนแรกจะต้องทอยลูกเต๋า 1 ครั้ง แล้วเดินตามสีของลูกเต๋าที่ตนเองทอยได้ โดยเดินไปตามทิศที่ลูกศรกำหนดไว้
6.ถ้าผู้เล่นทอยได้ด้านสีแดงให้เดินไป 1 ช่อง สีเหลือง 2 ช่อง สีน้ำเงิน 3 ช่อง
7.เมื่อผู้เล่นเดินไปหยุดที่ช่องใดให้ผู้เล่นตอบคำคามที่ช่องนั้นๆ ระบุไว้ หากผู้เล่นตอบคำถามผิดให้หยุดเล่น 1 ตา

8.เมื่อผู้เล่นเดินวนกลับมาที่เมืองของตนเองให้เดินตรงเข้าสู่เส้นชัย ใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ
 
และเพื่อการทำความเข้าใจที่ง่ายขึ้นของผู้อ่านทุกท่านเชิญชมวิดีโอแนะนำชุดสื่อการสอน Computer City Tour ได้ที่นี่ค่ะ http://www.dailymotion.com/video/xuaoji_computer-city-tour_tech
 

12.8.55

เทคโนโลยีกับการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21



                        “การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21” เชื่อได้ว่าหลายๆคนคงอาจจะเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะตอนนี้ใครๆก็ต่างพากันพูดถึงและให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ทั้งผู้ใหญ่ในแวดวงการศึกษา ครู อาจารย์ หรือแม้กระทั่งนักเรียน นิสิต นักศึกษาอย่างเราเองก็ตาม ส่วนใครที่เพิ่งเคยได้ยินคงอาจจะมีคำถามหรือข้อสงสัยว่า “การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21” นั้นเป็นอย่างไรและเกี่ยวข้องอะไรกับเทคโนโลยี วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันค่ะ




                         ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช  ได้กล่าวเอาไว้ว่า “การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นั้นก็คือการเรียนรู้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง การศึกษาจะต้องเน้นที่การเรียนภาคปฏิบัติ การให้นักเรียนได้ลงมือทำจริงได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ครูต้องไม่เน้นสอน เน้นออกแบบการเรียนรู้ เน้นสร้างแรงบันดาลใจ เป็นครูฝึกไม่ใช่ครูสอน แล้วการเรียนรู้ก็จะเกิดจากภายในใจและสมองของตนเอง ซึ่งการจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้นั้นก็ได้สอดคล้องกับลักษณะของเด็กสมัยใหม่คือมีอิสระที่จะเลือกสิ่งที่ตนพอใจ แสดงความเห็นและลักษณะเฉพาะของตน ความสนุกสนานและการเล่นเป็นส่วนหนึ่งของงาน การเรียนรู้และชีวิตทางสังคมการร่วมมือ ต้องการความเร็วในการสื่อสาร การหาข้อมูล และตอบคำถาม สร้างนวัตกรรมต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต นอกจากนั้น ยังมีผู้ให้ความเห็นไว้ว่าเด็กยุคใหม่เป็นคนยุคเจนเนอเรชันแซด(Generation Z) เป็นพวกที่ชอบใช้อินเทอร์เนต หรือที่เรียกกันว่าเป็นชาวเน็ต(netizen) และนี่คือประเด็นสำคัญที่ว่าเหตุใดเทคโนโลยีถึงมีความสำคัญและความจำเป็นต่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21เพราะความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้การศึกษาในอุดมคติเป็นจริงได้ เพราะสามารถแสดงอักษรภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างสถานการณ์เสมือนจริง (Virtual Situation) ได้เหมือนๆกับที่หนังสือ หนังสือภาพ เทปเสียง วีดีทัศน์ หรือสื่ออื่นๆ ที่มีทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ (Interaction)กับผู้ใช้ได้ และสร้างเครือข่ายให้สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างไร้ขอบเขต ในแง่ของสถานที่ที่แตกต่างคนละแห่งกัน

                         ซึ่งสื่อการสอนของครูก็จะต้องมีคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นและสื่อที่มีคุณสมบัติดังกล่าวก็คือ “สื่อมัลติมีเดีย” ซึ่งเป็นระบบสื่อสารข้อมูลข่าวสารหลายชนิด โดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ฐานข้อมูล ตัวเลข กราฟิก ภาพ เสียง และวีดิทัศน์ ใช้คอมพิวเตอร์สื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด เช่น ข้อความ กราฟ ภาพศิลป์ (Graphic Art) เสียง (Sound) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) และวีดิทัศน์ เป็นต้น ถ้าผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อเหล่านี้ให้แสดงออกมาตามต้องการได้ระบบนี้จะเรียกว่า มัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์ (Interactive Multimedia) จะเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่รับการตอบสนองจากผู้ใช้โดยใช้คีย์บอร์ด (Keyboard) เมาส์ (Mouse) หรือตัวชี้ (Pointer) เป็นต้น การใช้มัลติมีเดียในลักษณะปฏิสัมพันธ์ก็เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียนรู้หรือทำกิจกรรม รวมถึงดูสื่อต่าง ๆ ด้วยตนเอง  สื่อต่าง ๆ ที่นำมารวมไว้ในมัลติมีเดีย เช่น ภาพ เสียง วีดิทัศน์ จะช่วยให้เกิดความหลากหลาย ความน่าสนใจ และเร้าความสนใจ เพิ่มความสนุกสนานในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น  


                         และเนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวไกลไปมากมีการนำสื่อมัลติมีเดียมาพัฒนาให้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานมากขึ้นจึงทำให้ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามีคำว่า Interactive ปรากฏตามสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ตในฐานะของสื่ออีกรูปแบบหนึ่งที่โต้ตอบกับมนุษย์ได้ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั้งในประเทศเองและต่างประเทศ และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Interactive ก็ยิ่งมีความนิยมมากขึ้นอีกเพราะความสามารถในการโต้ตอบที่สูงขึ้น ปัจจุบัน Interactive เข้ามามีบทบาทใกล้ชิดกับมนุษย์มากขึ้นเรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็เห็น จับอะไรก็เจอ ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่สุดก็คือโทรศัพท์มือถือที่เป็นจอ Touch Screen ไม่ว่าจะเป็น  iPhone5,The new iPad,Android tablet ยี่ห้อต่างๆ หรือเวลาเราเข้าเดินไป 7-eleven ประตูก็เปิดให้เอง ก็คืออินเตอร์แอคทีฟหลักการง่ายๆก็คือมี Sensor จับความเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าประตู ถ้ามีคนหรือหมาเดินมา Sensor ก็จะสั่งให้ motor และลำโพงทำงาน นอกจากการพบเจอ Interactive ในชีวิตประจำวันแล้ว ยังรวมทั้งสื่อการสอนเรียนการสอนที่เรียกว่า CAI (Computer Assisted Instruction) หลายคนๆคงคุ้นเคยกันไม่มากก็น้อย ,Interactive Board ที่ใช้ในการเรียนการสอน,การจัดนิทรรศ หรือกิจกรรมตามงาน Event ต่าง ๆ   Interactive Media สื่อภายในพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ,การเปิดตัวสินค้าที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้มีความทันสมัยโดยใช้ Interactive marketing แบบต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำการตลาด เช่น Interactive Floor/Wall , Multi-touch Board / Table ก็ล้วนแต่เป็นสื่อ Interactive ทั้งนั้นทำให้สื่อมัลติมีเดียเป็นสื่อที่สามารถตอบสนองต่อลักษณะและความต้องการของเด็กในยุคสมัยใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดีทีเดียว

                        ข้อดีของสื่อมัลติมีเดียก็คือ ช่วยให้การออกแบบบทเรียน ตอบสนองต่อแนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งผลโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  และสื่อมัลติมีเดียที่ใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอนเป็นสื่อที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองตามศักยภาพ ความต้องการ และความสะดวกของตนเอง นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนให้มีสถานที่เรียนไม่จำกัดอยู่เพียงห้องเรียน เท่านั้น ผู้เรียนอาจเรียนรู้ที่บ้าน ที่ห้องสมุด หรือภายใต้สภาพแวดล้อมอื่นๆ ตามเวลาที่ตนเองต้องการ และสนับสนุนให้เราสามารถใช้สื่อมัลติมีเดียกับผู้เรียนได้ ทุกระดับอายุ และความรู้ 

                         แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีไปเสียหมดสื่อมัลติมีเดียก็มีข้อจำกัดในการใช้งานเช่นกันนั่นคือ การออกแบบสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพเหมาะสมตามหลักทางจิตวิทยา และการเรียนรู้นับว่ายังมีน้อย เมื่อเทียบกับการออกแบบโปรแกรมเพื่อใช้ในวงการด้านอื่น ๆ ทำให้สื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษามีจำนวน และขอบเขตจำกัดที่จะนำมาใช้ในการเรียนวิชาต่าง ๆ และในขณะนี้ยังขาดอุปกรณ์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานระดับเดียวกัน เพื่อให้สามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบกัน และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสื่อมัลติมีเดียมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ทำให้ผู้ผลิตสื่อมัลติมีเดียต้องหาความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ

                         เราสามารถใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาได้ในลักษณะต่างๆเช่น การปรับเข้าหาผู้เรียน ถึงแม้ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะสื่อประสมมัลติมีเดียจะเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ในการศึกษามากมายเพียงใดก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าคอมพิวเตอร์จะไม่มีวันแทนห้องเรียนได้ ทั้งนี้เนื่องจากการเรียนในห้องเรียนนั้นเป็นการเรียนทู้เรียนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับบุคคลอื่นๆอีกมากมายซึ่งการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์ไม่มีวันจะทำเช่นนั้นได้ อย่างไรก็ตาม การใช้คอมพิวเตอร์ในการศึกษาจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการเรียนในห้องเรียนปกติได้เป็นอย่างมาก และเกมส์เพื่อการศึกษา การใช้เกมส์ในลักษณะของมัลติมีเดียจะเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี นอกเหนือไปจากความสนุกสนานจากการเล่นเกมส์ตามปกติ เกมส์ต่างๆจะมีการสอดแทรกความรู้ด้านต่างๆ เช่น คำศัพท์ ความหมายของวัตถุ แผนที่ทางภูมิศาสตร์ การฝึกทักษะด้านความเร็วในการคิดคำนวณ เป็นต้นและนอกจากนี้การสอนและการทบทวนก็สามารถทำได้ตามความต้องการและตามความสนใจของนักเรียนอีกด้วย และในอนาคตข้างนี้สื่อมัลติมีเดียก็คงจะถูกพัฒนาให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบันเพื่อให้เหมาะสมกับการเรียนรู้และการศึกษาที่ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
                         หลังจากที่เราได้รู้กันแล้วว่าการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างไรและเทคโนโลยีนั้นจะเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนได้อย่างไร เราก็ควรจะต้องเตรียมตัวตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นโดยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอเพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่างๆให้กับตนเองเพื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในศตวรรษที่ 21 แต่นอกจากเนื้อหาสาระและความรู้ที่ได้จากการเรียนแล้วเด็กในยุคสมัยนี้ยังจะต้องเป็นเด็กที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสำนึกสาธารณะเห็นแก่ส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้ผู้ใหญ่เองก็จะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อเพิ่มศักยภาพของเด็กโดยการส่งเสริม ผลักดันและสนับสนุนให้มีการพัฒนาอย่างเต็มที่เช่นกัน ทั้งผู้ใหญ่ในกระทรวง นักวิชาการ ครู อาจารย์ รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นผู้ออกแบบและสร้างเด็กในยุคศตวรรษที่ 21 ด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dpu.ac.th/rapd/page.php?id=5216
                               http://easyinteractive.wordpress.com/2012/07/07/24/
                              http://www.qlf.or.th/Home/Details?contentId=417
                              http://www.youtube.com/watch?v=TpYcvhuHniM&feature=relmfu

10.7.55

โลกเปลี่ยน...การศึกษาเปลี่ยน

  



            ทุกวันนี้จะมองไปทางไหนก็จะเห็นผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น I-Phone  I-Pad และ Tablet PC ส่วนสาเหตุที่ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นที่นิยม นั่นเป็นเพราะประโยชน์อันหลากหลาย และรูปแบบที่ทันสมัย พกพาได้สะดวกสบาย จะใช้ต่ออินเตอร์เน็ตก็ได้ ถ่ายรูปก็ดี เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้ เช็คข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วทันใจ อ่านหนังสืออิเลคทรอนิคส์หรือ E-Book ก็ยังได้ ทำให้ผู้คนในยุคสมัยนี้หันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเมื่อมนุษย์ไม่หยุดคิดค้นวิทยาการใหม่ๆโลกก็ต้องมีการพัฒนาและเกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆขึ้นมากมายทั้งด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และรวมถึงด้านการศึกษาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้มีความก้าวไกลตามให้ทันเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ มีอุปกรณ์ทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากมายเช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ ไมโครโพน ลำโพง ดังนั้นจึงมีการจัดตั้งศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาขึ้นเพื่อให้บริการในหลากหลายรูปแบบทั้งบริการให้ยืมอุปกรณ์ ให้คำปรึกษาในการใช้และซ่อมบำรุง ผลิตสื่อการเรียนการสอนตามหลักสูตร โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเพราะในสมัยก่อนการเรียนการสอนจะเน้นการฟังบรรยายเป็นหลักซึ่งจะทำให้ผู้เรียนอาจไม่เข้าใจในบทเรียน ปัจจุบันจึงต้องมีการนำสื่อและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอน มีอุปกรณ์ในการช่วยสอนที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นช่วยให้ผู้เรียนมีโลกทัศน์ที่กว้างยิ่งขึ้น มีการค้นคว้าหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ได้เรียนรู้จากทั้งภาพและเสียง นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลที่มีความรู้จากทั่วทุกมุมโลกอีกซึ่งผู้เรียนจะมีอิสระในการหาความรู้ด้วยตนเอง ดังนั้นจึงต้องมีศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาเอาไว้จัดการทรัพยากรให้เป็นระบบระเบียบเพื่อเปิดบริการแก่คณาจารย์และนิสิตให้สามารถยืมอุปกรณ์ต่างๆและศึกษาค้นคว้าได้อย่างสะดวกสบาย และก็มีตัวอย่างของศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษามาแนะนำนั่นก็คือ
"ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"


ความเป็นมาของศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้

                   ปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วส่งผลทำให้ความรู้ที่เป็นปัจจุบันเกิดขึ้นยากตามไปด้วย ดังนั้นการเรียนรู้อย่างยั่งยืนหรือการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาในขั้นอุดมศึกษา กระบวนการเรียนการสอนจะอาศัยเฉพาะการให้ความรู้ที่สั่งสมมาจากอาจารย์สู่นิสิตอย่างเดียวไม่พอ คณาจารย์และนิสิตต่างต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับการที่วัฏจักรการเรียนรู้ที่สั้นลง และเนื่องด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กำหนดวิสัยทัศน์ที่จะเป็น เสาหลักของแผ่นดิน มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการบุกเบิกองค์ความรู้ใหม่และถ่ายโอนความรู้ให้แก่สาธารณะเพื่อช่วยพัฒนาสังคมไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนในประชาคมโลก ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน การพัฒนาคณาจารย์ และการพัฒนานิสิตนอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังส่งเสริมและสนับสนุนให้คณาจารย์นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถผลิตบัณฑิตที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยมุ่งหวังให้บัณฑิตจุฬาฯเป็นผู้ที่มีคุณค่าของสังคมโลก มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ รวมทั้งสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อนำไปสู่ การเรียนรู้ตลอดชีวิต  (Lifelong learning) มหาวิทยาลัยจึงมอบหมายให้สำนักบริหารวิชาการดำเนินภารกิจนี้มาเป็นเวลานานและได้พัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 มหาวิทยาลัยได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นจึงได้ดำเนินกิจการต่างๆในรูปแบบของโครงการหน่วยนวัตกรรมการเรียนรู้ซึ่งต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็น ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ ในปี
พ.ศ.2553



โครงสร้างศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้

                  ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์บริการเฉพาะทางที่ทำหน้าที่ผลิต พัฒนา และเผยแพร่สื่อและนวัตกรรมการเรียนรู้ เปิดให้บริการทั้งคณาจารย์และนิสิต แต่ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้มีจะเน้นในการส่งเสริมและสนับสนุนให้คณาจารย์ได้พัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้นำในด้านการเรียนการสอนโดยมีภารกิจหลัก 3 ด้านคือ
                  1.การพัฒนาคณาจารย์เพื่อพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน  พัฒนาคณาจารย์ให้มีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ   การนำสื่อการสอนมาใช้โดยเฉพาะสื่ออิเล็กทรอนิกส์
                  2.การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ด้วยสื่อดิจิทัล สนับสนุนและส่งเสริมให้คณาจารย์นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เสริมในการเรียนการสอนโดยผ่านระบบบริหารจัดการเรียนการสอน  ( Learning  Management  System : LMS )  การผลิตสื่อการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์    การเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบ  VDO Conference   และการจัดทำแฟ้มสะสมผลงานอิเล็กทรอนิกส์ 
(e-Portfolio) 
                3.การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้มุ่งสนองปณิธานของมหาวิทยาลัยในการเป็นเสาหลักของแผ่นดินด้วยการคัดสรรองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในทุกระดับ   มาทำการเผยแพร่ในรูปแบบที่หลากหลายเช่น ในรูปแบบของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-Book)  และการบรรยายที่บันทึกเป็นอิเล็กทรอนิกส์  (E-Lecture)  

lai                ในส่วนของนิสิตจะให้บริการในเรื่องของสื่อการเรียนการสอนแบบอิเลคทรอนิกส์หรือ E- Bookเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นิสิตมีการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งมีการคัดเลือกหนังสือที่มีคุณค่ามาจัดทำเป็น E-Book และเผยแพร่ในประเทศไทยในลักษณะของการให้บริการวิชาการแก่หน่วยงานทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายโดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท บุ๊ค โปรโมชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัด นอกจากนี้ยังมีการจัดการเรียนการสอนที่ผสมผสานสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Learning ที่นิสิตสามารถเรียนรู้ได้ตามความต้องการและตามศักยภาพของแต่ละบุคคล และการจัดทำ E-Portfolio เพื่อให้นิสิตจัดทำแฟ้มผลงานหรือ Portfolio ให้อยู่ในรูปของอิเล็กทรอนิกส์(E-Portfolio)เป็นกลวิธีที่ช่วยให้นิสิตสามารถสะสมผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และง่ายต่อการนำมาทบทวนเพื่อเผยแพร่เมื่อต้องการ
                จะเห็นได้ว่าศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้เแห่งนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งนิสิตและคณาจารย์เป็นอย่างมาก ในด้านของคณาจารย์องค์กรนี้จะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคณาจารย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาให้มีความรู้และทักษะในด้านการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ  สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ในการสอน รวมทั้งมีจิตวิญญาณ ของความเป็นครูที่เอาใจใส่ในการพัฒนานิสิตเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ ลูกศิษย์ และเพื่อพัฒนาคณาจารย์และบุคลากรด้านโสตทัศศึกษาให้มีความรู้และทักษะในการผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายๆ เพื่อให้คณาจารย์สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในด้านของนิสิตองค์กรจะสนับสนุนในเรื่องของการเรียนการสอนในรูปแบบอิเลคทรอนิกส์ ทั้ง E-Book  และ E-Learning เพื่อเป็นการส่งเสริมให้นิสิตมีการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้รับการศึกษาตามรูปแบบที่ต้องการ มีความยืดหยุ่นหลากหลายตามโอกาสและสถานการณ์ เรียกได้ว่าสามารถเรียนกันได้ทุกที่ทุกเวลาเลยทีเดียวและยังส่งเสริมให้นิสิตสามารถเรียนรู้ได้จากการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆเพื่อให้นิสิตแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากเนื้อหาของบทเรียนได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะผลิตบัณฑิตที่มีทั้งคุณภาพและประสิทธิภาพสู่สังคม



อขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.lic.chula.ac.th/

Yiruma - River Flows In You