25.11.55

โปสเตอร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "

  
 
 
  

                        สวัสดีพ่อแม่พี่น้องนักอ่านทั้งหลายวันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ นั่นคือโปสเตอร์นั่นเอง โปสเตอร์ (Poster) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ที่มีบทบาทต่อการประชาสัมพันธ์มากสื่อหนึ่ง เพราะโปสเตอร์เป็นสื่อที่สามารถเผยแพร่ได้สะดวกกว้างขวาง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นที่ ทุกเพศ ทุกวัย และทุกระดับการศึกษา การนำโปสเตอร์มาใช้ในการประชาสัมพันธ์โดยมีจุดประสงค์เพื่อบอกกล่าว เผยแพร่ ให้ผู้ดูมีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติตาม เน้นหนักไปการ สร้างภาพพจน์ขององค์กร ให้เป็นที่ยอมรับ เกิดความฝังใจ เชื่อถือ ศรัทธา นอกจากนี้ ยังมีการใช้เพื่อย้ำเตือนใจกลุ่มประชาชนเป้าหมายด้วย
 

                          และสำหรับโปสเตอร์ที่ชื่นชอบก็คงจะเป็นโปสเตอร์ของภาพยนตร์" ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ศึกนันทบุเรง " ในภาคนี้เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงตอนที่  พระเจ้านันทบุเรง ได้ขึ้นเสวยราชย์สืบต่อจากพระเจ้าบุเรงนอง นับแต่วันที่ก้าวขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานว่าจะแผ่ผ่านกฤดาภินิหารมิให้เป็นรองพระราชบิดา เมื่ออยุธยาประเทศแยกตัวเป็นเอกราช พระองค์จึงจำต้องยาตราทัพไปกำราบปราบลงมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง ภารกิจนี้นับเป็น การแผ่นดินแต่ลึกลงไปในมโนสำนึกของนันทบุเรงนั้นยังหมายพระทัยจะเอาชนะแต่เฉพาะ พระนเรศซึ่งเป็นเสมือนคู่ปรับต่างวัย ภารกิจนี้เป็น เรื่องส่วนตัวที่พัวพันกลืนไปกับกิจของแผ่นดิน และเหนือสิ่งอื่นใดยังตั้งพระทัยที่จะเอาชนะใจพระสุพรรณกัลยา ผู้เป็นองค์ประกันในแผ่นดินของพระองค์เอง โดยทางหนึ่งนั้นพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงต้องรบทั้ง ศึกนอกในต่างแดน ขณะที่ อีกทางหนึ่งก็ต้องรับ ศึกในเพื่อชนะใจพระพี่นางในพระนเรศ มิให้น้อยหน้าหรือเป็นรอง พระราชบิดา ศึกนอกศึกใน-ศึกรบศึกรักนี้เข้มข้นยิ่งนัก
 
                         ส่วนเหตุผลที่ชื่นชอบโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะในโปสเตอร์ไม่ต้องมีองค์ประกอบอะไรมากมีเพียงรูปถ่ายของนักแสดงนำในเรื่องและมีข้อความประกอบที่ไม่ยาวนัก ซึ่งโปสเตอร์มีสองเซ็ทด้วยกัน เซ็ทแรกเป็นภาพของตัวละครหลักของเรื่อง การออกแบบนั้นแบ่งคาแรคเตอร์ออกจากกันอย่างชัดเจนโดยใช้โทนสีและการแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ให้ตรงกับบทบาทที่ได้รับ ใช้โทนสีสว่างแทนความดี ด้านดีของคน  ในโปสเตอร์นี้ใช้แทนฝ่ายพระนเรศวร และใช้โทนสีเข้มแทนความชั่วร้าย ด้านไม่ดีของคน และในโปสเตอร์นี้ใช้แทนฝ่ายพระเจ้านันทบุเรง และในเซ็ทที่สองเป็นการจับเอาภาพเหตุกาณ์ที่สำคัญๆ ของเรื่องมาเป็นจุดขายของโปสเตอร์อีกด้วยและนี่ก็คือเหตุผลที่ผู้เขียนชื่นชอบโปสเตอร์ชุดนี้
 
ขอบคุณข้อมูลจาก



12.11.55

Beginning

                      
                     สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกคนสำหรับวันนี้นะคะไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีการศึกษาโดยตรงนะคะแต่ก็พอจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกันอยู่บ้างส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นมาติดตามกันได้เลยค่ะ เรื่องที่จะนำมาเป็นประเด็นกันในวันนี้ก็คือเรื่องของ"สื่อสิ่งพิมพ์"นั่นเองค่ะซึ่งพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของเรา หรือจะเรียกได้ว่าจะมองไปทางไหนก็สามารถหาอ่านหาซื้อกันได้อย่างง่ายๆและสะดวกสบายอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าจะใช้คำว่าสื่อสิ่งพิมพ์อาจจะมีความหมายที่กว้างเกินไปหากจะจำกัดวงให้แคบลงมาอีกก็คงจะเป็นเรื่องของหนังสือนั่นเองค่ะ


                  พอพูดถึงหนังสือผู้เขียนก็เชื่อได้เลยว่าคุณผู้อ่านทุกท่านก็คงจะมีหนังสือที่ชื่นชอบอยู่ในดวงใจใช่มั้ยล่ะคะ และหนังสือที่ผู้เขียนอยากที่จะแนะนำในวันนี้ก็คือ หนังสือชื่อ"แฮร์รี่ พอตเตอร์"ค่ะและคิดว่าอาจจะเป็นหนังสือในดวงใจของใครหลายๆ คนใช่มั้ยคะ ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะรู้เรื่องราวของหนังสือชุดนี้เป็นอย่างดีแต่บางท่านอาจจะไม่เคยได้สนใจมาก่อน ดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับเรื่องราวของ แฮรรี่ พอตเตอร์กันก่อนนะคะ
                        แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นชุดนวนิยายแฟนตาซีจำนวนเจ็ดเล่ม ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวการผจญภัยของพ่อมดวัยรุ่น แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเพื่อนสองคน รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ โครงเรื่องหลักเกี่ยวกับภารกิจของแฮร์รี่ในการเอาชนะพ่อมดมืดที่ชั่วร้าย ลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้มีเป้าหมายเพื่อพิชิตประชากรไม่มีอำนวจวิเศษ พิชิตโลกพ่อมด และทำลายทุกคนที่ขัดขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ หนังสือทำยอดขายประมาณ 450 ล้านเล่มทั่วโลก และมีการแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ 67 ภาษา โดยภาษาไทยมีผู้แปลทั้งหมด 3 คน สุมาลี บำรุงสุข,วลีพร หวังซื่อกุล และงามพรรณ เวชชาชีวะ และหนังสือเล่มสุดท้ายของชุดยังเป็นสถิติหนังสือที่จำหน่ายออกหมดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
                       หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์สามารถจัดเป็นวรรณกรรมได้หลายประเภท (genre) รวมทั้งแฟนตาซีและการเปลี่ยนผ่านของวัย (coming of age) โดยมีองค์ประกอบของวรรณกรรมประเภทลึกลับ ตื่นเต้นสยองขวัญ ผจญภัย และโรแมนซ์ และมีความหายและการสื่อถึงวัฒนธรรมหลายอย่างตามข้อมูลของโรว์ลิง ธีมหลักของเรื่อง คือความตายแม้โดยพื้นฐานแล้วงานนี้ถูกมองว่าเป็นผลงานวรรณกรรมเด็ก นอกจากนี้ยังมีธีมอื่นอีกมากมายในชุด เช่น ความรักและอคติ และที่สำคัญหนังสือทั้งเจ็ดเล่มถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดย วอร์เนอร์บราเธอร์ส จำนวนแปดภาค โดยเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มที่เจ็ด ผู้สร้างได้แบ่งออกเป็นสองตอน ภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นชุดภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล นอกจากนี้ ยังได้มีการผลิตสินค้าควบกันอีกจำนวนมาก ซึ่งทำให้ยี่ห้อแฮร์รี่ พอตเตอร์มีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ 

                        และผู้เขียนก็หวังว่าผู้อ่านคงจะพอรู้จักแฮร์รี่ พอตเตอร์กันแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นผู้เขียนจะมาสาธยายอธิบายกันให้ฟังนะคะว่าทำไมถึงชื่นชอบหนังสือชุดแฮร์รี่  พอตเตอร์นี้เป็นพิเศษ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ก่อนอื่นก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กน้อยอายุ12 ขวบค่ะก็อยู่ป.6ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ดังมากๆ ในหมู่เด็กๆ เลยล่ะค่ะ และตอนนั้นก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าห้องเลยมีโอกาสได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนต่างห้องบ่อยๆ แล้วก็ทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆหลายคนเลยค่ะ ซึ่งเราจะทำกิจกรรมด้วยกันทุกเช้าและในเช้าของทุกๆวันก็จะมีหัวข้อในการพูดคุยไม่พ้นแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นแหละค่ะ จริงๆ ผู้เขียนเองไม่มีโอกาสได้ติดตามดูภายนตร์ในช่วงนั้นสักเท่าไหร่จะรู้จักแต่ละคร รายการทีวีมากกว่าแต่ก็พอจะเคยได้ยินเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์มาก่อน พอได้มาฟังเพื่อนๆพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกวันๆ ก็เริ่มมีความสนใจมากขึ้นและก็ได้รู้ว่านอกจากเป็นภาพยนตร์แล้วยังมีการเขียนเป็นหนังสืออีกด้วย จากจุดนั้นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการเสาะหาหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ของเด็กผู้หญิงในวัย12ขวบค่ะ เล่มแรกที่ได้อ่านก็คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Philosopher's Stone) คุณพ่อเป็นคนซื้อเล่มนี้ให้และหนังสือเล่มนี้นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กค่อยข้างจะซุกซนไม่สามารถอยู่นิ่งได้นานๆ จนคุณแม่ต้องห้ามปรามด้วยก้านมะยมอยู่หลายครั้งและก็เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเด็กสมาธิสั้นก็สามารถหยุดอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานๆ กับหนังสือเล่มเดียวได้ขอบอกว่าอยู่ได้เป็นวันๆ คุณแม่ต้องมาตามไปทานข้าวกันเลยทีเดียว หลังจากที่ตกหลุมรักพ่อมดน้อยแฮร์รี่พอตเตอร์เล่มแรกเข้าอย่างจังแล้วเล่มต่อๆ มาก็ไปไหนไม่รอดแต่คราวนี้เก็บเงินซื้อเองค่ะเรียกได้ว่าประหยัดอดออมกันสุดฤทธิ์ค่ะ 5555 แต่ละเล่มก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย นอกจากหนังสือชุดนี้จะทำให้ผู้เขียนเป็นคนรักการอ่านแล้วหนังสือชุดนี้ก็ยังแฝงข้อคิดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญ มิตรภาพของเพื่อน และความดีย่อมเอาชนะความชั่วได้เสมอค่ะ หลังจากเก็บสะสมมาเรื่อยๆก็พบว่าผู้เขียนนั้นอยู่กับหนังสือชุดนี้มาถึง 6 ปี จากเล่มแรกจนเล่มสุดท้าย และจากภาพยนตร์ภาคแรกจนถึงภาคสุดท้าย สุดท้ายนี้นะคะถึงแม้ว่าเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์จะจบลงแล้วแต่ก็ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้เขียนเสมอ และที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้ถึงแม้เรื่องราวในเล่มสุดท้ายจะจบลงไปแล้วนั่นก็คือการรักการอ่านค่ะ ทำให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการอ่านหากผู้อ่านท่านใดยังไม่รู้จะเริ่มกับกาiท่องไปในโลกของตัวหนังสือได้อย่างไรลองหยิบแฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นมาอ่านดูสักครั้งนะค่ะ ^^
 



ขอบคุณข้อมูลจาก: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C      

Yiruma - River Flows In You